ทำไม Software Testing ถึงสำคัญต่อกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์?

           ทุกคนคงคุ้นเคยกับคำว่า Software กันเป็นอย่างดี เพราะในชีวิตประจำวันของเรา ล้วนเกี่ยวข้องกับการใช้งาน Software อยู่เสมอ แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า กว่าจะได้ Software ที่เราใช้งานกันอย่างราบรื่นนั้นต้องผ่านกระบวนการสำคัญอะไรบ้าง?หนึ่งในขั้นตอนที่มีบทบาท สำคัญอย่างมาก คือ Software Testing ซึ่งอาจทำให้หลายคนสงสัยว่า Software Testing คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร?ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับกระบวนการสำคัญนี้อย่าง ละเอียด

Software&Software Testing คืออะไร
         SoftwareTestingหรือการทดสอบซอฟต์แวร์คือกระบวนการที่ใช้ตรวจสอบและ ประเมินซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานตามที่กำหนดและไม่มีข้อผิดพลาด (bugs)ที่อาจก่อให้เกิดปัญหากับผู้ใช้งานในอนาคตการทดสอบนี้เป็นส่วนสำคัญของวงจรการ พัฒนาซอฟต์แวร์(SoftwareDevelopmentLifeCycle:SDLC)ที่ช่วยรับประกันคุณภาพและ ความน่าเชื่อถือ ของซอฟต์แวร์

Software Testing คือกระบวนการที่ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด การดำเนินการนี้ไม่เพียงช่วยปรับปรุงคุณภาพของซอฟต์แวร์ แต่ยังเพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่ได้รับผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย

ความสำคัญของ Software Testing

“Software Testing” เปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยให้ซอฟต์แวร์มีความพร้อมและสมบูรณ์ก่อนจะเข้าสู่มือของผู้ใช้งาน โดยกระบวนการนี้ไม่ใช่แค่การตรวจหาข้อผิดพลาดธรรมดา แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจในคุณภาพของซอฟต์แวร์ และทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่ทีมพัฒนาตั้งใจสร้างนั้นตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง ต่อไปนี้คือความสำคัญของ Software Testing ที่ทุกคนควรรู้:

1.ตรวจหาข้อผิดพลาด (Bugs):

“ข้อผิดพลาด” หรือ Bugs คือศัตรูสำคัญของซอฟต์แวร์ที่อาจทำให้การทำงานผิดพลาดหรือไม่ตรงตามความต้องการ การทดสอบซอฟต์แวร์ช่วยค้นหาข้อผิดพลาดเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ทำงาน การทำงานที่ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนด หรือจุดที่ระบบมีความเสี่ยง การที่ทีมงาน Software Tester Manual ตรวจสอบข้อผิดพลาดอย่างละเอียด จะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อซอฟต์แวร์ถูกใช้งานจริง

2.ปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์:

“Software Testing” คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในโครงการที่มีความซับซ้อน การที่ QA Testing ทำการตรวจสอบในทุกขั้นตอนของวงจรการพัฒนา ไม่เพียงแต่ช่วยลดข้อผิดพลาด แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งทีมงานและผู้ใช้งาน ทำให้ซอฟต์แวร์นั้นมีคุณภาพสูงและพร้อมตอบโจทย์ความต้องการ

3.ลดความเสี่ยง:

“ความเสี่ยง” ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานซอฟต์แวร์ เช่น การสูญเสียข้อมูล การล้มเหลวของระบบ หรือการโจมตีทางไซเบอร์ ล้วนเป็นสิ่งที่อาจสร้างความเสียหายอย่างมาก การมีทีม Software Tester ที่ทำงานเชิงรุกในการตรวจสอบซอฟต์แวร์อย่างรอบด้าน จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ และทำให้มั่นใจได้ว่าซอฟต์แวร์พร้อมใช้งานในสภาพแวดล้อมจริง

4.เพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้งาน:

“ผู้ใช้งาน” คือเป้าหมายสำคัญที่สุดของทุกซอฟต์แวร์ กระบวนการทดสอบช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่ ซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้ตรงตามที่คาดหวัง ย่อมสร้างความไว้วางใจและความพึงพอใจในตัวผลิตภัณฑ์ และยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทอีกด้วย

“ในโลกที่ซอฟต์แวร์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา การทดสอบซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้” การลงทุนใน Software Testing ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับคุณภาพ แต่ยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาวและสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์นั้นๆ อย่างแท้จริง

ประเภทของ Software Testing

1. Manual Testing

การทดสอบแบบ Manual เป็นกระบวนการที่ผู้ทดสอบหรือ Software Tester Manual ทำการตรวจสอบซอฟต์แวร์ด้วยตนเองโดยไม่ใช้เครื่องมืออัตโนมัติ ตัวอย่างการทดสอบได้แก่:

• การตรวจสอบ UI (User Interface)
• การตรวจสอบความสามารถในการทำงานของฟีเจอร์
• การทดสอบสถานการณ์สมมติ (Test Scenarios)

ข้อดี:

• เข้าใจบริบทของการทำงานในเชิงลึก
• เหมาะสำหรับการทดสอบที่ซับซ้อนและต้องการความยืดหยุ่น

ข้อเสีย:

• ใช้เวลาและทรัพยากรมาก
• มีความเสี่ยงของข้อผิดพลาดจากมนุษย์

2. Automation Testingการทดสอบแบบ Automation ใช้เครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ในการทดสอบ โดยเขียนสคริปต์เพื่อทำการทดสอบอัตโนมัติ ตัวอย่างเครื่องมือได้แก่ Selenium, JUnit, และ TestNGข้อดี:

• ทดสอบซ้ำได้อย่างรวดเร็ว
• ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว

ข้อเสีย:

• ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการเขียนสคริปต์
• ไม่เหมาะสำหรับการทดสอบที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง

QA Testing คืออะไร?QA (Quality Assurance)Testingคือกระบวนการที่มุ่งเน้นการสร้างและรักษาคุณภาพของ ซอฟต์แวร์ โดยเน้นไปที่การปรับปรุงกระบวนการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด QA Testing รวมถึงการกำหนดมาตรฐานและแนวทางในการพัฒนาเพื่อให้ได้ซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพหน้าที่หลักของ QA Tester:

1. วางแผนและออกแบบกรณีทดสอบ (Test Case)
2. ทดสอบการทำงานของซอฟต์แวร์
3. รายงานข้อผิดพลาดและติดตามการแก้ไข
4. ตรวจสอบให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

QA Testing มีบทบาทสำคัญในการรับรองว่าทุกขั้นตอนในกระบวนการพัฒนาเป็นไปตามมาตรฐาน และช่วยลดความผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายทางของโครงการกระบวนการทดสอบซอฟต์แวร์ (Software Testing Process)

1. Requirement Analysis
   

     • ศึกษาและทำความเข้าใจความต้องการของซอฟต์แวร์

2. Test Planning

• วางแผนการทดสอบ กำหนดขอบเขตและกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการทดสอบ

3. Test Case Design

• สร้างกรณีทดสอบที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้

4. Test Execution

• ทำการทดสอบจริงตามแผนที่วางไว้และบันทึกผล

5. Defect Reporting

• รายงานข้อผิดพลาดที่พบในซอฟต์แวร์ โดย Software Tester เป็นผู้รวบรวมข้อมูลและส่งต่อไปยังทีมพัฒนา

6. Test Closure

• ประเมินผลและสรุปกระบวนการทดสอบ พร้อมจัดทำรายงานเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการในอนาคต

ทักษะที่จำเป็นสำหรับ Software Tester

1. ความรู้ด้านเทคนิค:
   

      • เข้าใจพื้นฐานการเขียนโปรแกรมและโครงสร้างซอฟต์แวร์ เช่น HTML, SQL, และ Python

2. การคิดเชิงวิเคราะห์:

• สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. การสื่อสาร:

• มีทักษะการสื่อสารที่ดีเพื่อรายงานปัญหาให้ทีมพัฒนา รวมถึงการเขียนรายงานที่ชัดเจนและละเอียด

4. ความละเอียดรอบคอบ:

• สังเกตและตรวจสอบข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจส่งผลต่อการใช้งาน

5. ความสามารถในการเรียนรู้:

• พร้อมพัฒนาตนเองเพื่อปรับตัวกับเทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ ๆ ในการทดสอบ

Software Tester Manual vs QA Testing

• Software Tester Manual: เน้นการทดสอบด้วยมือเพื่อประเมินประสบการณ์ผู้ใช้งานและฟีเจอร์ที่ต้องการความละเอียดและความเข้าใจบริบท
• QA Testing: มุ่งเน้นที่การปรับปรุงกระบวนการและการตรวจสอบคุณภาพโดยรวมของซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในโครงการที่มีขนาดใหญ่

            SoftwareTestingคือกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนามีคุณภาพและพร้อม ใช้งานอย่าง สมบูรณ์แบบ การทดสอบแบบ Manual และ Automation Testing มีบทบาทสำคัญในแต่ละสถานการณ์ โดย Manual Testing ช่วยเน้นการทดสอบที่ละเอียดและซับซ้อน ขณะที่ Automation Testing ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว ผู้ที่สนใจอาชีพนี้ เช่น Software Tester หรือ QA Tester ควรมีทักษะที่เหมาะสมทั้งด้านเทคนิคและการสื่อสาร เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในสายงานนี้