รวมแหล่งสร้างเว็บไซต์ฟรี ใครๆก็สร้างเว็บได้ ไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้าน Coding

February 22, 2024

รวมแหล่งสร้างเว็บไซต์ฟรี ใครๆก็สร้างเว็บได้  ไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้าน Coding

การสร้างเว็บไซต์ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะมีเครื่องมือหลากหลายที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลองทำเว็บไซต์ได้แบบฟรี บทความนี้ FoxBith อยากชวนทุกท่านมาสร้างเว็บไซต์เองได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นไว้สร้างเว็บไซต์พอร์ทส่วนตัว หรือสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ เพื่อจะได้เข้าใจองค์ประกอบในการทำเว็บไซต์ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้าน Coding จะมีเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ฟรี มีอะไรบ้าง

เว็บไซต์ที่ให้สร้างฟรี ส่วนใหญ่จะเป็นเว็บไซต์สำเร็จรูป (Web Template) ที่มีรูปแบบให้เลือกหลากหลาย โดยผู้สร้างเว็บสามารถไปต่อยอดการออกแบบหรือปรับแต่งได้ โดยแพลตฟอร์มสร้าง Website ฟรีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีหลากหลายเจ้าขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของนักพัฒนาเว็บไซต์หรือผู้สร้างเว็บไซต์ โดยแต่ละ Platform ก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป 

ทีมงานขอคัดเลือกสุดยอดแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ฟรีมาให้ทุกท่านได้พิจารณาดังต่อไปนี้

1. WordPress

เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก เนื่องจากเป็น Open Source Platform เปิดให้นักพัฒนาเว็บไซต์เข้ามาพัฒนา Theme และ Plug-in ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เอื้อต่อการช่วยสร้างฟังก์ชั่นต่างๆ ให้กับเว็บไซต์ได้แบบไม่จำกัด รองรับการทำ SEO แต่ด้วยความที่มันเป็นแพลตฟอร์มเปิด ผู้สร้างเว็บไซต์ก็จะมีค่าใช้จ่ายบางส่วนในการเลือกเช่าโฮสต์ จดโดเมน ซื้อ Theme Website ที่นำมาปรับแต่งได้ตามความต้องการ ถ้าเราเลือกใช้แบบฟรีนะคะ ส่วนแบบเสียเงินก็มีหลายแพคเกจให้เลือกใช้งาน

WordPress เหมาะสำหรับ : คนที่พอมีทักษะการใช้งาน Web Template มาบ้าง จนถึงระดับแอดวานซ์

ข้อดีของ Wordpress

  1. สามารถสร้าง ปรับแต่ง ลบ แก้ไขได้ง่ายมาก
  2. มีการแยกเมนูที่ชัดเจน
  3. จัดวางองค์ประกอบเว็บได้สะดวก
  4. มี Template ให้เลือกใช้หลากหลาย รวมถึงสามารถเลือกสีที่ชอบได้เอง
  5. มี Plug-in สำเร็จรูปให้เลือกใช้ได้ตามความต้องการและมีการอัปเดตสม่ำเสมอ
  6. รองรับการทำ SEO
  7. Backup ข้อมูลได้ง่าย
  8. รองรับระบบการทำตะกร้าสินค้า 
  9. รอบรับระบบชำระเงินออนไลน์
  10. มีกรุ๊ปคนไทย สอบถามได้ถ้าติดปัญหา

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Wordpress

  1. คนใช้ต้องมีพื้นฐาน
  2. ต้องดูแลหลังบ้านเอง
  3. หากไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่รู้ขั้นตอน อาจเสี่ยงเว็บพังได้

2. Weebly

เป็นแพลตฟอร์มในการสร้างเว็บไซต์ที่อยู่มาค่อยข้างนาน โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเน้นทำเว็บเพื่อเป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ เว็บไซต์ธุรกิจ เพราะสามารถจดโดเมนและใช้โฮสต์ของ Weebly ได้เลย อีกทั้งสามารถปรับแต่ง Theme, Template ได้ตามความต้องการ

Weebly เหมาะสำหรับ : คนที่มีพื้นฐานการใช้ภาษา html

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Weebly

  1. มีองค์ประกอบให้เลือกใช้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นใส่ภาพ ใส่เพลง หรือใส่ภาพยนตร์ก็ทำได้ง่ายๆ 
  2. เมื่อสมัครใช้งานก็เริ่มใช้โปรแกรมได้ทันที
  3. รองรับภาษาไทย
  4. ตกแต่งใช้งานเว็บไซต์ได้แบบง่ายดาย
  5. ใช้งานง่ายมาก
  6. เก็บสถิติผู้เข้าชมได้

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Weebly

  1. ไม่สามารถแก้พื้นหลังได้
  2. ฟีเจอร์ดีๆ ส่วนใหญ่ต้องเสียเงินซื้อ

3. Webnode

Webnode เป็นหนึ่งในผู้สร้างเว็บไซต์รายแรกๆ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 ตั้งแต่นั้นมาก็ดึงดูดผู้ใช้มากกว่า 30 ล้านคน! เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่มีการปรับแต่งธีมและคุณสมบัติการลากและวาง โดย Webnode รองรับ Web Responsive แต่ไม่รองรับการปรับแต่ง HTML หรือ CSS ดังนั้นความสามารถในการปรับแต่งนอกเหนือจากธีมจึงค่อนข้างจำกัด

Webnode เหมาะสำหรับ : เจ้าของธุรกิจขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ E-commerce

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Webnode

  1. ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว และที่สำคัญก็คือฟรี!
  2. เหมาะกับผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของธุรกิจหรือแนวการขายเชิง e-commerce
  3. มีบริการโฮสติ้ง
  4. ไม่จำกัดจำนวนหน้าเว็บ
  5. พื้นที่เก็บข้อมูล 4 GB

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Webnode

  1. ไม่รองรับภาษาไทย
  2. มีค่าใช้จ่ายในบางเทมเพลต

4. Webflow

Free Website Builder ที่สามารถทำ Web Design หรือการออกแบบเว็บไซต์ เหมาะกับ Web Designer เพราะจะช่วยประหยัดเวลาในการส่งแบบไปให้ Developer ทำการโค้ด มีรายละเอียดการทำงานที่ค่อนข้างดี ส่วนมือใหม่ที่ไม่เคยทำงานเว็บไซต์มาก่อน ก็สามารถเรียนรู้การใช้งานได้ไม่ยาก

Webflow เหมาะสำหรับ : นักออกแบบเว็บไซต์, ผู้ที่ต้องการเรียนรู้ด้านการออกแบบเว็บไซต์, ผู้ที่ต้องการทำเว็บระดับแอดวานซ์

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Webflow

  1. ใช้งานง่าย
  2. ปรับแก่ไขได้อย่างละเอียด
  3. ออกแบบได้ทุกบนหน้าจอ

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Webflow 

  1. รายละเอียดซับซ้อน
  2. ต้องรู้ข้อมูลการวางโครงสร้างเว็บประมาณนึง
  3. แพลตฟอร์มค่อนข้างใหม่ คนใช้งานและช่วยตอบคำตอบอาจมีไม่มาก
  4. ไม่มีทีมซัพพอร์ทคนไทย

5. Webstarts

WebStarts มีแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย ทำให้ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บสามารถออกแบบเว็บไซต์ได้ภายในเวลาไม่นาน เพียงเลือกหน้าที่ต้องการแล้วกดแก้ไข ก็สามารถเข้าถึงเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ทั้งหมด
Webstarts เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการสร้าง Blog’s Website หรือ E-commerce’s Website

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Webstarts

  1. เป็นเครื่องมือในการสร้างเว็บไซต์ที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ  
  2. มีฟีเจอร์หลากหลายให้เลือกปรับแต่งได้ตามต้องการมากมาย  
  3. ไม่จำกัด จำนวนหน้าเว็บ
  4. พื้นที่เก็บข้อมูล 1 GB
  5. Bandwidth 1 GB ต่อเดือน
  6. รองรับการทำ Live Chat

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Webstarts

  1. ไม่เหมาะกับการทำเว็บแบบ Mobile-friendly
  2. มีเทมเพลตให้เลือกเยอะ แต่ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าที่ควร

6. Webs (Vista + Wix)

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์นี้มีเครื่องมือแก้ไขภาพที่ยอดเยี่ยม แต่มีข้อจำกัดในการปรับแต่ง Interface หลังบ้านที่ค่อนข้างซับซ้อน
Webs เหมาะสำหรับ : คนกับผู้ต้องการเริ่มหัดทำเว็บไซต์

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Webs 

  1. สมัครง่ายและใช้งานได้ฟรี
  2. มีเครื่องมือในการตกแต่งเว็บไซต์มากมาย
  3. สามารถเห็นข้อมูลสถิติการเข้าชมของลูกค้าได้

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Webs

ไม่มีเทมเพลตแบบสำเร็จรูปให้เลือก ต้องมานั่งตกแต่งวางโครงเอง

7. Jimdo

เครื่องมือพัฒนาเว็บไซต์ Jimdo มี Website Template ให้เลือกสรรค์มากมาย ที่พร้อมให้คุณปรับแต่ง แก้ไข และจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
Jimdo เหมาะสำหรับ : มือใหม่ที่ต้องการลงเนื้อหาที่ไม่ซับซ้อนลงในเค้าโครงเว็บไซต์ที่มีอยู่ในระบบ

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Jimdo

  1. สามารถออกแบบเว็บไซต์หรือเลือกสร้างเค้าโครงเว็บไซต์ได้เอง
  2. เหมาะกับคนที่ต้องการขายสินค้าในเว็บไซต์ เพราะสามารถกดเพิ่มรายการสินค้า เลือกวิธีการชำระเงินและดำเนินการขายสินค้าได้ทันที
  3. กดแชร์ข้อมูลเว็บไซต์ไปยัง Facebook หรือ Twitter ได้แบบง่ายดาย

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Jimdo

  1. มีค่าใช้จ่ายในส่วนของฟังก์ชั่นการทำ SEO 
  2. มีโฆษณาของเว็บ Jimdo หากต้องการนำออก จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้

8. Strikingly

Strikingly ถูกสร้างมาเพื่อการทำเว็บไซต์แบบหน้าเดียว หรือ Single Page Website ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้ใช้งานเว็บไซต์ผ่านมือถือ เนื่องจากเสริมประสบการณ์ใช้งานแบบเลื่อนหน้าจอที่ไม่มีสะดุด และมี Web Theme ให้เลือกกว่า 25 แบบ โดยสามารถเพิ่มและแก้ไขส่วนที่ผู้ใช้เลื่อนดูได้เล็กน้อย
Strikingly เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ขนาดเล็ก เก็บพอร์ต, ผู้ที่ต้องการสร้าง Sale Page

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Strikingly

  1. เหมาะกับมือใหม่ 
  2. ใช้งานง่าย
  3. Bandwidth 5 GB
  4. สร้างเว็บไซต์ฟรีไม่จำกัด
  5. มีการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Strikingly

  1. ไม่เป็นที่นิยมมากนัก
  2. ไม่เหมาะกับเว็บที่มีข้อมูลเยอะๆ

9. Site123

เป็นเครื่องมือทำเว็บไซต์ได้อย่างง่ายที่เรียกได้ว่า เพียงคุณนับ หนึ่ง สอง สาม ก็ทำเว็บไซต์เสร็จแล้ว โดยผ่านการตอบคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับความต้องการในการสร้างเว็บไซต์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเว็บไซต์แบบเริ่มต้น
Site123 เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการเว็บไซต์ในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อน

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Site123

  1. ช่วยเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจ
  2. ออกแบบเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
  3. พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 500 MB
  4. Bandwidth 1 GB

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Site123

  1. โฆษณาเยอะ (ถ้าจ่ายเงินก็เอาออกได้)
  2. Layout มีให้เลือกค่อนข้างน้อย

10. Systeme.io

Systeme.io คือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์และมีฟังก์ชั่นด้านการตลาด เช่น การทำการตลาดผ่านอีเมล Email Direct Marketing, การทำสัมมนาออนไลน์, การจัดการโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์ลูกค้า และระบบการตลาดอัตโนมัติ
Systeme.io มาพร้อมกับภาพเว็บไซต์และตัวแก้ไขหน้า Landing Page ซึ่งคุณสามารถเลือกจากองค์ประกอบต่างๆ และขยับไปยังส่วนของหน้าหรือคอลัมน์ที่ต้องการได้
System.io เหมาะสำหรับ : นักการตลาด, ธุรกิจขนาดเล็ก, ธุรกิจเกี่ยวกับการเรียนการสอนหรือจัดสัมมนาออนไลน์

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Systeme.io

  1. Interface ที่ใช้งานง่าย
  2. มีการทดสอบ A / B
  3. รองรับระบบการชำระเงินออนไลน์
  4. มีระบบ CRM
  5. การสนับสนุนลูกค้าที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  6. พื้นที่เก็บข้อมูลไม่จำกัด

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Systeme.io

  1. เฉพาะการสัมมนาผ่านเว็บเท่านั้น ไม่รองรับการเข้าชมผ่านอุปกรณ์อื่น
  2. การสนับสนุนภาษาฝรั่งเศส

11. Showit

เป็นอีกแพลตฟอร์มทำเว็บที่น่าสนใจเช่นกัน วิธีการใช้งานเป็นแบบ Drag and Drop สามารถแก้ไขที่หน้า Front End ได้เลย โปรแกรมสร้างเว็บไซต์นี้มีข้อจำกัดในเรื่องของฟังก์ชั่นที่ยังดูค่อนข้างซับซ้อน
Showit เหมาะสำหรับ : มือใหม่ ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่มีข้อมูลไม่มากนัก

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Showit

  1. ปรับแต่งง่าย
  2. ไม่ต้องดูแลระบบหลังบ้าน
  3. มีเทมเพลทให้เลือกหลากหลาย

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Showit

  1. ราคาเริ่มต้นสูงกว่าเครื่องมืออื่นๆ
  2. ไม่มีทีมซัพพอร์ทคนไทย
  3. ถ้าอยากให้มีส่วนของ Blog ด้วยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  4. ทดลองใช้ฟรีได้เพียง 14 วัน

12. Square Space

เป็นระบบสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายกว่า WordPress ตัวเทมเพลทดูสวยงาม เรียบหรู การใช้งานต้องรู้หลักการเล็กน้อยและเมนูการปรับแต่งไม่ค่อยสะดวกในช่วงแรก ต้องพยายามหาว่าต้องไปที่ตรงไหน พอรู้แล้วก็ไม่ยาก
Square Space เหมาะสำหรับ : มือใหม่ ดีไซน์เนอร์ มือโปรที่ต้องการสร้าง Website Template เพื่อขาย

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Square Space

  1. เหมาะกับเว็บสำหรับดีไซน์เนอร์ ศิลปิน ช่างภาพ เอาไว้โชว์พอร์ทโฟลิโอ
  2. มีเทมเพลทหลากหลายให้เลือกสรรค์

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Square Space

  1. ใช้เวลานานในขั้นตอน Set up ช่วงแรกๆ
  2. ไม่เหมาะกับเว็บที่มีหน้ามากกว่า 30 หน้า
  3. ไม่เหมาะกับงานเว็บซับซ้อน
  4. ไม่มีทีมซัพพอร์ทคนไทย
  5. ทดลองใช้ฟรีได้เพียง 15 วัน

13. Wix

เป็นอีกแพลตฟอร์มที่นิยมในกลุ่มคนไทย วิธีใช้งานออกแบบเว็บไซต์ก็เป็นแบบ Drag and Drop แค่ลากๆ วาง ใช้งานได้สะดวกสุดๆง เหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปร มีบริการครบครัน
Wix เหมาะสำหรับ : มือใหม่ เว็บง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Wix

  1. มีการแยกเมนูที่ชัดเจน เช่น แยกส่วน Setting ออกจากส่วน Content ทำให้ดูใช้งานง่าย
  2. จัดวางลูกเล่นได้หลากหลาย
  3. สามารถเลือกเปิดหรือปิดส่วนต่างๆ ของระบบเบื้องหลังในหน้าจอได้เองเลย
  4. มีหลากหลายเทมเพลทสวยๆ และฟรีให้เลือกมากมาย 
  5. มีปลั๊กอินฟรีและอัปเดตทุกสัปดาห์  
  6. สร้างเมนูได้แบบไม่ซับซ้อน  
  7. เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้งานหลากหลายประเทศทั่วโลก
  8. ไม่ต้องดูแลระบบหลังบ้านเยอะ

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Wix

  1. Web Page Speed ค่อนข้างช้า อาจส่งผลให้ลูกค้าที่เข้ามาชมอาจจะไม่พอใจได้
  2. มีปลั๊กอินให้เลือกใช้ค่อนข้างจำกัด
  3. ไม่รองรับการทำ SEO
  4. ถ้าอยากเปลี่ยน Template Website ต้องเริ่มทำงานใหม่ทั้งหมดตั้งแต่แรก
  5. ไม่มีทีมซัพพอร์ทคนไทย
  6. เวอร์ชั่นฟรี จะมีโฆษณาของ Wix ขึ้น และมีชื่อโดเมน Wix อยู่ด้วย

14. GoDaddy

GoDaddy มีชื่อเสียงด้าน Web Hosting และการซื้อ Web Domain Name อีกทั้งยังมีบริการสร้างเว็บไซต์อีกด้วย รองรับ Web Responsive ทำให้สะดวกต่อลูกค้าในการเข้าชมเว็บไซต์ได้ทุกอุปกรณ์ มี Web Theme ให้เลือกกว่า 20 แบบ แต่ความสามารถในการออกแบบ/แก้ไขค่อนข้างจำกัด
GoDaddy เหมาะสำหรับ : ผู้ประกอบการที่ต้องการมีเว็บไซต์สำหรับให้ข้อมูลธุรกิจ ที่ไม่ซับซ้อน

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ GoDaddy

  1. การใช้งานง่าย สะดวก ไม่ยุ่งยาก ไม่มีพื้นฐานก็สามารถลองใช้งานได้
  2. มีเทมเพลตและฟังก์ชันการใช้งานให้เลือกหลากหลาย
  3. สามารถใช้งานได้ฟรีใน 1 ปีแรก โดยไม่ต้องจดทะเบียนชื่อโดเมน
  4. มีใบรับรอง SSL ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
  5. ทดลองใช้ฟีเจอร์พรีเมียมได้ฟรีในระยะเวลา 7 วัน

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ GoDaddy

  1. มีข้อจำกัดในการใช้งานบางส่วน เช่น การปรับแต่ง Layout
  2. มีเทมเพลตที่มีให้เลือกใช้งานส่วนใหญ่เป็นรูปแบบธรรมดา
  3. ไม่มีรองรับ SEO 
  4. ฟรีช่วงทดลองใช้ 30 วัน

15. Freewebstore

สำหรับใครที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ หรือ สร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบเริ่มต้น แนะนำเครื่องมือนี้เลย Freewebstore เพราะมีธีมที่เป็นมิตรกับมือถือ (Mobile Frienly) ให้ผู้สร้างเว็บไซต์ได้เลือกตามความต้องการ
Freewebstore เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์หรือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ

ข้อดี/ข้อได้เปรียบของ Freewebstore

  1. ใช้งานง่าย
  2. เชื่อมต่อ API ได้
  3. รองรับ SEO
  4. เหมาะกับเว็บไซต์ E-commerce
  5. มีเทมแพลตให้เลือกมากมาย
  6. รองรับการชำระเงินออนไลน์

ข้อเสีย/ข้อจำกัดของ Freewebstore

  1. รองรับสินค้าได้เพียง 30 รายการ
  2. ไม่มีการตลาดทางอีเมลอัตโนมัติ
  3. บาง Theme Website ไม่สามารถแก้ไขด้วยรุ่นฟรี
  4. ทุกการทำธุรกรรม จะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 2% เมื่อคุณทำการขาย

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรีกว่า 15 เว็บไซต์ที่ FoxBith ได้นำฝากกันในวันนี้ ทั้งในมุมของผู้เริ่มต้น ผู้ที่ต้องการต่อยอดการพัฒนาเว็บไซต์ให้ดูมืออาชีพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงระดับผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการสร้าง Web Template หรือ พัฒนา Plug-in ไปขายเชิงพาณิชย์ 

จะเห็นได้ว่าการสร้างเว็บไซต์ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบ No-code Platform เพื่อให้ใครก็ตามที่มีไอเดียในการทำธุรกิจหรือต้องการสร้างรายได้ออนไลน์ก็สามารถทำเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง 

สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่กำลังเริ่มทำเว็บไซต์ ต้องการข้ามผ่านขีดจำกัดต่าง ๆ ของเว็บไซต์ฟรีต่อยอดการทำ Customize Website รวมถึง Web Applicationติดต่อ FoxBith ได้เลย เราพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจของทุกท่าน