ทุกวันนี้การทำเว็บไซต์นั้นเป็นเรื่องที่ได้ยากอีกต่อไป เพราะมี Theme หรือ Template ให้เลือกใช้ได้มากมายทำให้เว็บไซต์ของสวยงามทันที แต่สิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณโดดเด่นกว่าใครและใช้งานได้ตอบโจทย์กับลูกค้าหรือผู้ใช้งานนั้น ต้องอาศัยการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งานในเว็บไซต์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเข้าชมเว็บไซต์ได้สูงสุด
ซึ่งการออกแบบเว็บไซต์ที่ดีควรจะต้องเข้าใจในส่วนของ UX UI Design เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ธุรกิจดำเนินการได้อย่างราบรื่น ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายคือ UX ช่วยในการจัดระเบียบข้อมูลธุรกิจให้เป็นหมวดหมู่ สะดวกต่อการเลือกซื้อสินค้า ส่วน UI เป็นการตกแต่งเพิ่มเติมให้มีความสวยงาม จัดวางโทนสี ออกแบบไอคอน เพื่อให้กระตุ้นการตัดสินซื้อ ทั้งสองส่วนนี้มีความคล้ายคลึงกัน ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามอ่านได้ด้านล่างนี้
UX คืออะไร
UX หรือ User Experience คือการออกแบบให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ใช้งานที่ดีต่อ บริการ, สินค้า, ซอฟแวร์, เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม โดยการออกแบบ UX ที่ดีจะทำให้ธุรกิจมี Product ที่สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างแท้จริง และทำให้ลูกค้าหลงรักแบรนด์ของคุณมากขึ้น อีกทั้งเป็นการออกแบบที่มุ่งเน้นไปที่การออกแบบประสบการณ์โดยรวมที่ผู้ใช้งานมีต่อแบรนด์ โดยแบรนด์ต้องเข้าใจพฤติกรรม และความต้องการของผู้ใช้เพื่อออกแบบ UX ได้ดี มีประสิทธิภาพ โดยให้ผู้ใช้มีความสุขเวลาใช้งานโปรดักของคุณ การออกแบบ UX ที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงสินค้าบริการของเราได้ง่าย ช่วยให้เขาหาสิ่งที่ต้องการ ให้ทำในสิ่งที่ต้องการได้ง่าย สิ่งเหล่านี้จะส่งผลถึงประสบการณ์ของแบรนด์ที่ส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้าและทำให้ลูกค้ามี Brand Loyalty มากขึ้น
UI คืออะไร
การออกแบบ UI เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงภาพลักษณ์ความสวยงามน่าใช้ของ Product สื่อถึงภาพลักษณ์แบรนด์ รวมถึงเสริมความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ โดยเป็นส่วนที่ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง ช่วยเพิ่มกระตุ้นความรู้สึกในการใช้งานเว็บไซต์ เช่น รูปแบบการจัดวาง โทนสี ไอคอน ปุ่ม ขนาดของตัวอักษร
UX / UI เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปได้หรือไม่
จากที่ได้เข้าใจความหมายของ UX/UI แล้วนั้น จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ส่วน เป็นการออกแบบที่มีความสัมพันธ์กัน เพื่อให้เจ้าของเว็บไซต์สื่อสารข้อมูลได้อย่างราบรื่น สื่อสารได้อย่างเหมาะสม รวมถึงมีการตกแต่งความสวยงามในแต่ละส่วนของเว็บไซต์เพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือเสริมความต้องการสินค้าและบริการนั้นๆ
ส่วนความแตกต่างของ UX กับ UI คือการมุ่งเน้นประโยชน์ที่แต่ละด้าน
- UX เน้นทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายที่สุด เช่น เข้าเว็บไซต์แล้วตอบสนองได้เร็ว เลือกซื้อสินค้าได้สะดวก
- UI เน้นทำให้เว็บไซต์มีความสวยงามที่สุด เช่น คุมโทนสี ฟ้อน ปุ่มของเว็บไซต์ให้เป็นไปตาม CI ของบริษัท
ถ้าต้องการสร้างเว็บไซต์ให้ออกมาทั้งสวยงามและใช้งานง่ายต้องอาศัยการทำงานร่วมกัน เพราะถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป อาจทำให้เว็บใช้งานที่ง่ายแต่หน้าตาไม่สวยงาม หรือในทางกลับกันว่ามีเว็บที่สวยงามมากแต่ใช้งานยากส่งผลให้จลูกค้าหนีออกจากเว็บไซต์ ฉะนั้นใครที่กำลังต้องการสร้างเว็บไซต์ควรให้ความสำคัญในการออกแบบเว็บไซต์ทั้งในส่วนของ UX and UI Design เพื่อนำเสนอข้อมูลบริษัทผ่านเว็บไซต์ให้มีประโยชน์และสวยงามนั่นเองเพราะถ้าเว็บไซต์มี UX&UI ที่ดีจะเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ SEO ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ขั้นตอนการออกแบบเว็บไซต์ในส่วนของ UX Design และ UI Design
- เริ่มต้นที่ UX Design จะเริ่มทำการสำรวจปัญหา เก็บข้อมูล และทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา
- เรียบเรียงข้อมูลออกมาเป็น Wireframe & Sitemap สำหรับทำการทดสอบการใช้งานของลูกค้า
- ส่งงานต่อให้กับ UI Design นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ แล้วนำโจทย์ที่ได้มาออกแบบเป็นภาพ
- UI Design ควรจะคำนึงถึง Mood&Tone ของบริษัทหรือสินค้าเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปในทางเดียว
- ส่งต่อให้กับทีมพัฒนา(Developer) เพื่อพัฒนาระบบหลังบ้านของเว็บไซต์
หลักการออกแบบ UX/UI ให้ประสบความสำเร็จ
ปัจจุบันการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านแพลนฟอร์มออนไลน์เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX - User Experience) และส่วนติดต่อระหว่างระบบกับผู้ใช้ (UI - User Interface) เพื่อให้การนำเสนอสินค้าและบริการหรือภาพลักษณ์แบรนด์เป็นไปอย่างราบรื่นและน่าประทับใจที่สุด
Foxbith FoxBith ขอนำเสนอแนวทางในการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งานสำหรับสินค้าและบริการบนโลกดิจิทัลเป็น 10 ประเด็นหลักๆ ดังต่อไปนี้
- ลำดับความสำคัญของเนื้อหา
ในเรื่องของเนื้อหาควรเป็นสิ่งแรกที่ต้องโฟกัสเป็นหลักบนเว็บไซต์ของธุรกิจคุณ โดยการออกแบบควรพิจารณาเนื้อหาให้ครบถ้วน อ่านง่าย จับแต่ใจความสำคัญ และต้องมีตัวเลือกให้ผู้ใช้งาน สามารถอ่านและนำทางได้อย่างง่ายดาย - เน้นการออกแบบให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานเป็นหลัก User-Centered Design
การออกแบบเว็บไซต์ที่ดีจะต้องเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางของกระบวนการ Website Design ซึ่งจะต้องสำรวจทั้งความต้องการ ความชื่นชอบ และพฤติกรรมของผู้ใช้งานเป็นหลัก ก่อนทำการออกแบบเว็บไซต์ - ออกแบบเว็บไซต์ให้ดูเรียบง่าย
การออกแบบที่เรียบง่ายจะช่วยให้สวยงามและดูสบายตา อีกทั้งช่วยนำทางเว็บไซต์ให้กับลูกค้าใช้งานง่ายและเกิดเป็นประสบการณ์ที่ดี - ใช้ลูกเล่นตอบโต้ผู้ใช้งาน
การออกแบบเว็บไซต์จะต้องรู้จักการนำ Animations and Microinteractions ซึ่งเป็นรูปแบบภาพเคลื่อนไหว ช่วยดึงดูดความสนใจให้กับผู้ใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าอยู่ในเว็บไซต์ได้นานยิ่งขึ้น - ออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับทุกอุปกรณ์ Responsive Website
ข้อดีของการออกแบบเว็บไซต์ให้สามารถเข้าถึงได้ทุกอุปกรณ์ (Desktop, Tablet, Mobile) เพื่อให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลและใช้งานได้ดีบนอุปกรณ์ทุกชนิด เพื่อช่วยเพิ่ม Traffic การเข้าถึงลูกค้า - เพิ่มความรวดเร็วของเว็บไซต์
การแสดงผลข้อมูล ภาพ หรือการตอบสนองต่างๆ ที่ลูกค้าเข้าใช้งานในเว็บไซต์ ถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในการออกแบบ UX เพราะผู้ใช้งานย่อมมีความคาดหวังให้เว็บไซต์สามารถโหลดได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ เช่น การกดดูรูป การกดเลือกซื้อสินค้า การเก็บส่วนลด เป็นต้น ซึ่งการเสริมประสิทธิภาพให้กับความเร็วของเว็บไซต์ คือ การลดขนาดรูปภาพ ลดจำนวนคำร้องขอ HTTP และใช้ระบบส่งส่วนข้อมูลในเครือข่าย (CDN) - ลูกค้าสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่าย
ความสามารถในการเข้าถึงคือการที่ลูกค้าสามารถเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างสมบูรณ์ มีความสะดวกสบายในการใช้งาน จึงควรพิจารณาในเรื่องของการใช้สี ความคมชัดสูง การตั้งชื่อเรื่อง การใช้รูปภาพ และมีช่องค้นหาแบบที่ลูกค้าพิมพ์สิ่งที่ต้องการได้ เพื่อทำให้หน้าเว็บไซต์เข้าถึงและใช้งานได้ง่าย - ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่าง (Space) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พื้นที่ว่างหรือพื้นที่สีขาว ถ้าเลือกใช้ประโยชน์จากความว่างเปล่าจะช่วยสร้างการออกแบบที่มีความสวยงาม ดูคลีน ดูสบายตา จนทำให้ผู้ใช้งานสามารถอ่านข้อมูลหรือเข้าสู่ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น - การออกแบบ Mobile-Friendly
เนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานที่เข้าถึงเว็บไซต์ส่วนใหญ่เข้าถึงผ่านมือถือ ดังนั้นการออกแบบเว็บไซต์ ควรให้ความสำคัญกับหน้าจอมือถือในหลากหลายขนาดทั้ง Android และ IoS เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานบนหน้าจอมือถือในทุกขนาด - ทดสอบประสิทธภาพการใช้งาน
สำหรับขั้นตอนสุดท้ายของการออกแบบเว็บไซต์ UX/UI design นั่นคือ การทดสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์ธุรกิจกับผู้ใช้จริง โดยให้ทำการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เนื้อหา ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ให้เป็นไปตามคำติชมของผู้ใช้งานจริง ซึ่งควรจะทำการทดสอบวนซ้ำไปเรื่อยๆ พร้อมกับการปรับปรุงเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด และใช้งานได้อย่างเสถียรที่สุด
เหตุผลที่ธุรกิจถึงควรให้ความสำคัญกับ UX/UI ในปี 2024
หลังจากที่ทุกคนได้ทราบแล้วว่า UX/UI คืออะไร ความคล้ายคลึงและความแตกต่าง แล้วเว็บไซต์ธุรกิจควรให้ความสำคัญกับ UX/UI อย่างไรบ้าง รวมถึงประโยชน์ได้ได้จากการออกแบบ UX/UI เว็บไซต์
- เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
โดยปกติแล้วลูกค้าจะตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการกับแบรนด์ใดก็ตาม มักจะดูองค์ประกอบของเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพและมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งการออกแบบ UX/UI เว็บไซต์ที่ดีนั้นก็จะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ - ปิดการขายสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
จากการออกแบบ UX/UI ที่ออกแบบเส้นทางใช้งานเว็บไซต์ให้กับลูกค้าได้สะดวก ใช้งานง่ายไม่หลงทาง รวมถึงมี Call To Action ให้เข้าถึงการชำระเงินหรือติดต่อ ทำให้มีโอกาสตัดสินใจซื้อได้รวดเร็วยิ่งขึ้น - Social Proof สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าที่กำลังตัดสินใจซื้อ
อาจทำในรูปแบบของการรีวิวจากลูกค้าเดิมที่เคยใช้สินค้าหรือบริการ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ - เพิ่มโอกาสการติดอันดับ SEO
เมื่อเว็บไซต์มีข้อมูลที่ดี และมีผู้เข้าใช้งานต่อเนื่อง จะเสริมโอกาสในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้า Search Engine ของ Google ได้ ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก และเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการลงโฆษณาอีกด้วย
จากข้อมูลข้างต้น คงจะทำให้ทุกท่านเข้าใจกับกระบวนการออกแบบเว็บไซต์ทั้ง UX Design และ UI Design ที่ส่งผลเว็บไซต์ธุรกิจน่าใช้งาน ส่งเสริมการขาย เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ อีกทั้งช่วยเพิ่ม Value & Preformace ในงานออกแบบเว็บไซต์เสริมสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานได้