เริ่มต้นด้วยการรวบรวมความต้องการและวางแผนการพัฒนา Web Application โดยการประชุมกับผู้ใช้งานหลักและทีมงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจเป้าหมาย, ฟังก์ชันหลัก, และกลุ่มเป้าหมายของแอป การวางแผนนี้รวมถึงการกำหนดขอบเขตงาน, การประเมินเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนา
ขั้นตอนนี้เน้นการออกแบบ UI และ UX ของ Web Application เพื่อให้มีความสวยงามและใช้งานง่าย การสร้าง Wireframes และ Prototypes ช่วยให้เห็นภาพรวมของหน้าจอและการนำทางภายในแอป การออกแบบที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้มีประสบการณ์การใช้งานที่ดีและเพิ่มความพึงพอใจ
ในขั้นตอนนี้ทีมพัฒนาจะเริ่มเขียนโค้ดและพัฒนา Web Application ตามที่ได้ออกแบบไว้ โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสม การพัฒนาจะรวมถึงการสร้างฟังก์ชันหลัก, การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล, และการสร้าง API เพื่อรองรับการทำงานของแอป การทำงานร่วมกันระหว่างนักพัฒนา และนักออกแบบจะช่วยให้แอปมีคุณภาพและเป็นไปตามข้อกำหนด
หลังจากพัฒนาเสร็จสิ้นจะต้องทำการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่า Web Application ทำงานได้ถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาด การทดสอบนี้รวมถึงการตรวจสอบความเข้ากันได้กับเบราว์เซอร์ต่างๆ และการทดสอบประสิทธิภาพ หลังจากทดสอบเรียบร้อยแล้วจะทำการเผยแพร่แอปไปยังเซิร์ฟเวอร์และโดเมนที่เลือกไว้ พร้อมทั้งให้บริการบำรุงรักษาและอัปเดตแอปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แอปทำงานได้ดีและทันสมัยอยู่เสมอ
Web Application เป็นรูปแบบของแอปพลิเคชันที่ทำงานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ในปัจจุบัน Web App กำลังเข้ามาแทนที่โปรแกรมดั้งเดิมที่ต้องติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตมีความเร็วสูงขึ้นและเทคโนโลยี Cloud มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้กว่า 80% ของแอปพลิเคชันสมัยใหม่ทั้งสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรต่างๆ ถูกพัฒนาเป็น Web App เกือบทั้งหมด เพราะ Web App รองรับได้ทุกระบบปฏิบัติการไม่ว่าจะเป็น Window หรือ MacOS ผ่านเบราว์เซอร์ที่เป็นมาตรฐานกลาง ซึ่งทำให้ต้นทุนการพัฒนา และบำรุงรักษา (MA) ง่ายขึ้นมาก เพราะไม่ต้องแยก Source Code สำหรับแต่ละระบบปฏิบัติการ และไม่จำเป็นต้องคอยอัปเดตซอฟต์แวร์ในทุกอุปกรณ์ของผู้ใช้
ที่ Foxbith เรามีความเชี่ยวชาญในการพัฒนา Web Application ที่ไม่เพียงตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจ แต่ยังพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี Cloud Native ซึ่งทำให้ Web App ของเรามีประสิทธิภาพสูงและสามารถปรับขยายได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ เรายังเป็นพันธมิตรกับ Cloud Provider ชั้นนำ เช่น Google Cloud Platform, Amazon Web Services, Azure, และ Digital Ocean ซึ่งช่วยให้เราสามารถพัฒนา Web App ที่ไม่เพียงแค่ดี แต่ยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ และมี Service Level ในการ Support ที่ยอดเยี่ยม