ไขข้อสงสัยระหว่าง Web Design กับ Web Development เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?

February 21, 2024

ไขข้อสงสัยระหว่าง Web Design กับ Web Development เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?

หลายคนที่กำลังต้องการพัฒนาเว็บไซต์ อาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ Web Design กับ Web Development ที่มีเนื้องานบางส่วนที่ดูคล้ายคลึ่งกัน ควรเริ่มจากอะไรก่อนดี หรือความแตกต่างของสองคำนี้คืออะไรกันแน่ 

บทความนี้ FoxBith จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Web Design และ Web Development ถึงความหมาย ความสำคัญ ที่ควรรู้เกี่ยวกับการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ (Website Design and Website Development) เพื่อเตรียมพร้อมสู่การสร้างเว็บไซต์ที่ยอดเยี่ยมในการดำเนินธุรกิจ ให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดี ทีมงานภายในองค์กรสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย

Web Design คืออะไร

การออกแบบเว็บไซต์ตามลักษณ์ที่มองเห็นได้ของเว็บไซต์ เช่น ความสวยงาม ฟังก์ชันการใช้งานในเว็บไซต์ เพื่อให้ตอบสนองผู้ใช้งานเป็นหลัก 

โดยการออกแบบเว็บไซต์ (Web Design) ที่ดีนั้น ควรให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด เช่น ฟอนท์, สี, ดีไซน์ Responsive Website, Funnel Navigation รวมถึงการ Testing ด้วย

ความสำคัญของ Web Design

การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามตรงใจผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือลูกค้า คือต้องคำนึงถึงหลัก User Experience (UX) และ User Interface เพราะเว็บไซต์ที่ดีนอกจากความสวยงามแล้ว ควรถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย ส่งเสริมให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ในเว็บไซต์ได้สะดวก เพิ่มโอกาสทางธุรกิจเนื่องจากลูกค้ารู้สึกว่าเว็บไซต์สวยและใช้งานง่ายก็จะทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยข้อดีของการออกแบบเว็บไซต์ (Web Design) มีดังนี้

  1. สร้างอัตลักษณ์แบรนด์ Brand Identity
    องค์ประกอบต่างๆ ในเว็บไซต์ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสื่อสารแบรนด์ สามารถออกแบบให้เข้ากับ Coporate Identity

ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้โลโก้ สี ฟอนท์ เนื้อหา ภาพประกอบ เพื่อให้เกิดการจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น

  1. เสริมประสบการณ์ผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้น
    หากเปรียบเทียบเว็บไซต์เป็นเหมือนหน้าร้านขายสินค้า ถ้าธุรกิจของคุณจัดแต่งหน้าร้านได้สวยงามและสามารถให้ผู้ใช้งานเดินเลือกหยิบจับสินค้าได้แต่ละหมวดหมู่โดยง่าย ก็จะทำให้ร้านค้าของคุณเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ซึ่งการออกแบบเว็บไซต์ (Web Design) ที่ผ่านการวางแผนทั้ง UX และ UI แล้วนั้น ส่วนใหญ่มักจะมีเป็นเว็บไซต์ที่โหลดเร็ว เข้าถึงแต่ละเมนูได้ง่าย การจัดวางข้อมูลให้อ่านง่าย รวมถึงตอบสนองการใช้งานในแต่ละฟังก์ชั่นได้ดี
  2. เป็นช่องทางส่งเสริมการขาย เพิ่มเปอร์เซ็น Conversion Rate Optimization (CRO) 

CRO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้กระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้า เช่น ปุ่มซื้อสีแดง เสริมอารมณ์ทางจิตวิทยาที่สามารถกระตุ้นการซื้อได้ดี, การนำ VDO ตัวอย่างการใช้งานหรือรีวิว เพื่อเป็นข้อมูลในการเสริมความเชื่อมั่น เป็นต้น โดยการมี Web Design ที่ดีมักจะคำนึงถึงการทำ CRO มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตั้งแต่การเริ่มเข้าใช้งานเว็บไซต์ ทำอย่างไรให้ลูกค้าอยู่ในเว็บไซต์ได้นาน ไม่หลงทาง เข้าถึงสิ่งที่ต้องการได้ง่าย แสดงผลหน้าเว็บไซต์เร็ว ดึงดูดให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าหรือดูรายละเอียดต่าง ๆ 

สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการออกแบบเว็บไซต์ (Web Design) 

1. User Interface Design (UI Design) คือ

สิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้งาน (User) เข้ากับเว็บไซต์ (Website) แสดงผลออกมาในรูปแบบที่ผู้ใช้งานคุ้นเคย คอยดูแลเรื่องความสวยงาม เลือกฟ้อนต์ เลือกสีเว็บไซต์ การวาง Layout ต่างๆ เช่น ลักษณะของปุ่ม, การวางตำแหน่งภาพ ฯลฯ ซึ่ง FoxBith ขอนำเสนอวิธีการออกแบบ UI Design ให้กับผู้ที่ต้องการกำลังจะออกแบบเว็บไซต์ เผื่อเป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้ ดังนี้

  • วางเป้าหมายในการสื่อสารให้ชัดเจน
    ทุกการออกแบบเว็บไซต์ล้วนมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ ปรับภาพลักษณ์ นำเสนอความเชี่ยวชาญ สร้างยอดขาย การวางเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยส่งเสริมวิธีคิดในการออกแบบ Web Design ได้ออกมาตรงประเด็นยิ่งขึ้น
  • ออกแบบเว็บไซต์ให้เข้าใจง่ายการออกแบบเว็บไซต์คือการนำข้อมูลใส่ลงไปเพื่อให้เกิดความเข้าใจ โดยไม่จำเป็นต้องใส่ทุกอย่างลงไป แต่สำคัญตรงที่การลำดับการเล่าของข้อมูล สี ฟ้อน ภาพ บริบทต่างๆ ให้ดึงดูดสายตาผู้เข้าชมเว็บไซต์ ยกตัวอย่างหน้า About Us ที่ธุรกิจส่วนใหญ่จะเล่าตำนานความสำเร็จของบริษัทมากมาย แต่ถ้าใส่ข้อมูลทุกอย่างลงไปอาจจะเหมือนรายงาน สิ่งที่ควรออกแบบเมื่ออยู่บนหน้าเว็บคือ คิดว่าผู้ชมเว็บไซต์ต้องการอะไรจากหน้านี้ คำตอบคือความเชื่อมั่น สิ่งที่ควรคำนึงในการออกแบบคือจะสื่อสารอย่างไรให้ลูกค้าเข้าใจในการเห็นตั้งแต่ครั้งแรก เช่น การแบ่ง Section เพื่อแบ่งเรื่องราวในแต่ละการเลื่อนจอ, การทำ Headline ใหญ่เพื่อให้เป็นจุดดึงดูดสายตา, การสื่อสารด้วยภาพ Infographic เป็นต้น
  • ออกแบบเว็บไซต์ด้วย Design SystemDesign System คือแนวทางการออกแบบจาก Web Designer หรือนักออกแบบเว็บไซต์ โดยสามารถนำมาใช้อ้างอิงเพื่อนำงานไปพัฒนาร่วมกัน ที่อาจจะประกอบไปด้วย ขนาดตัวอักษร, ลักษณะไอคอน, โค้ดสี, รูปทรง, กริด, ภาพเคลื่อนไหว, โทนเสียง, ขนาดช่วงว่างแต่ละส่วนในหน้าเว็บ, ธีมในการออกแบบแต่ละหน้าเว็บไซต์ เป็นต้น ประโยชน์ของการมี Design System คือเป็นเหมือนกรอบที่วางเอาไว้ให้การออกแบบบนเว็บไซต์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
  • การเลือกใช้สีและฟ้อนต์ในการออกแบบเว็บไซต์การออกแบบเว็บไซต์มีองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไปไม่ได้คือตัวอักษรในการอธิบายรายละเอียด และสีสันต่างๆที่อยู่ในเว็บไซต์
    ซึ่งในการออกแบบตัวอักษรในเว็บไซต์คือการนำรูปแบบ Fonts มาใช้ให้เว็บไซต์ดูสวยงามแบ่งสัดส่วนหัวข้อและคำอธิบายได้อย่างชัดเจน รวมถึงสื่ออารมณ์ตามรูปทรงของ Fonts เช่น ความโค้งมนไม่มีหัวรจะสื่อถึงความโมเดิร์น
    ส่วนการเลือกใช้สีก็เป็นปัจจัยหลักในการออกแบบเว็บไซต์ โดยส่วนใหญ่จะเลือกใช้สีหลักของบริษัทมาออกแบบเว็บไซต์เพื่อคุมโทนในการสื่อสารแบรนด์ โดยสามารถดีไซน์การใช้สีแต่ละหน้าเว็บให้ดูหน้าสนใจแตกต่างกันออกไป เช่น หน้ารวม Blogs อาจใช้สีที่ Header เป็นหลักเพื่อให้ไปกวนสีสันจากภาพปกของแต่ละ Blogs หรือหน้า About Us สามารถแบ่งสีอ่อนสีเข้มของแบรนด์เพื่อใช้ในการแบ่งช่วงของข้อมูลได้อีกด้วย

2. User Experience Design (UX Design)

อีกขั้นของการออกแบบเว็บไซต์ที่นอกจากสวยงามแล้ว ยังเป็นการออกแบบเว็บไซต์ที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้ลูกค้าเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้ง่ายและไม่รู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามมากจนเกินไป รวมถึงสร้างประโยชน์สูงสุดให้ธุรกิจ เช่น การสร้างยอดขายผ่านหน้าเว็บ, เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการติดต่อดูแลหลังการขาย,ดารยืนยันข้อมูลตัวตน, การเชื่อมโยง CRM กับเว็บไซต์ เป็นต้น ซึ่งการออกแบบ User Experience ควรคำนึงถึงสิ่งที่จะเป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้งานทำ Action บางอย่างไม่ซับซ้อน

ตัวอย่างการออกแบบ UX Design ที่ดี

1. เลือกใช้ Icon แทนตัวหนังสือ

  • Icon ที่ User คุ้นเคย จะใช้ให้ลูกค้าใช้ฟังก์ชั่นได้ทันที โดยไม่ต้องพยายามอ่านหรือทำความเข้าใจ 

2. ใช้คำอธิบายประกอบ Icon ที่มีความกำกวม

  • จากข้อแรก ที่พูดถึงการใช้ Icon แทน Text แต่ในทางกลับกัน
    บางกรณี ถ้า Icon มีความกำกวมหรืออยู่ในบริบทที่ความหมายอาจไม่ชัดเจนพอ อาจใช้ Text กำกับ Icon ไปด้วย เพื่อเสริมความมั่นใจ ไม่ต้องให้ User คิดซ้ำอีกที

3. ใช้กราฟิกช่วยแสดงการแจ้งเตือน (Notification)

  • การใช้กราฟิกเช่น Notification badge ที่มีลักษณะเหมือนจุดแดงเล็กๆ ช่วยให้ดึงจุดความสนใจหรือแยกความแตกต่างระหว่างเมนูทั่วไปกับเมนูที่มีอัพเดท เมื่อ User เห็นจะรู้โดยทันทีว่า มีอะไรที่เข้ามาใหม่ที่ควรกดดู โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายซ้ำด้วยคำพูดหรือข้อความ

4. แสดงประวัติการค้นหา หรือคำค้นหายอดนิยม (Search on Web)

  • ในเว็บหรือแอป ที่ User มีการเข้ามาใช้งานบ่อยๆ อาจคำนึงถึงการใส่ฟังก์ชั่นต่อไปนี้ Suggest search/ Recent search คือตัวช่วยแนะนำหัวข้อที่ User เคยค้นหาหรือเป็นที่ที่นิยม, Cart/ Bookmark/ Add to favorite/ View History คือตัวช่วยแสดงลิสท์สินค้าที่ User เคยกดดูไว้

5. การให้ Verify ตัวตนโดยใช้สิ่งที่จำง่าย นึกออกได้ไว

  • การออกแบบ UX ให้ส่งเสริมการจดจำแบบจำแนก (Recognition) เห็นได้ชัดเจนจากการ Verify account ต่างๆ ของ Facebook และ Messenger ที่ให้ User เลือกรายชื่อคนที่คุยด้วยล่าสุดจาก list หรือ ขึ้นหน้าเพื่อนพร้อมชื่อ และถามว่าหน้าตรงกับชื่อหรือไม่ใช่ ซึ่งนี่เป็นเทคนิคการออกแบบที่แค่เห็นครั้งแรกก็เข้าใจทันที

6. ใช้ Interaction อย่างอื่น นอกจากการให้นึกรหัส

  • ลดการเรียกความทรงจำของ User เมื่อต้องกรอกรหัสผ่านต่างๆ ผ่านระบบปลดล็อกรูปแบบอื่น เช่น การจดจำใบหน้า, เสียง หรือ ลายนิ้วมือ โดยหลักการออกแบบ ที่เน้นให้ User ใช้การจำแนก (Recognition) มากกว่าการนึกถึง (Recall) เพราะถ้าหากใช้ความทรงจำอาจเป็นอุปสรรคในการเข้าใช้งานส่งผลให้ลูกค้าเสียเวลาหรืออาจจะออกจากหน้าเว็บไปแทน

Website Development คืออะไร

Web Development คือกระบวนการสำคัญในการสร้างและพัฒนาเว็บไซต์ โดยใช้ภาษา Coding หรือโปรแกรมในการสร้างเว็บไซต์ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่การวางโครงสร้าง การออกแบบ การพัฒนาเว็บ ไปจนถึงดูแลหลังส่งมอบระบบเว็บไซต์ 

โดยเบื้องหลังการการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ สามารถทำได้หลายแบบ โดยการสร้างเว็บไซต์ด้วย Website Development Tool โดยประเภทของ Web Development สามารถแบ่งได้ดังนี้

1. Front-End Development

งานในส่วนนี้เน้นการพัฒนาและดูแลระบบโปรแกรมของเว็บไซต์ในส่วนที่ผู้ใช้สามารถมองเห็นและโต้ตอบกับเว็บไซต์ได้(หรือที่เรียกกันว่า หน้าบ้านเว็บไซต์) ซึ่งรวมถึงหน้าหลักของเว็บไซต์ (Home Page) การจัดรูปแบบเนื้อหา (HTML), การจัดรูปแบบสไตล์ (CSS), และการโต้ตอบด้วยภาษา JavaScript เป็นต้น

2. Back-End Development 

เป็นการพัฒนาและดูแลระบบโปรแกรมของเว็บไซต์ในส่วนที่ผู้ใช้มองไม่เห็นและไม่สามารถโต้ตอบได้โดยตรง(หรือที่เรียกกันว่า หลังบ้านเว็บไซต์) โดยผู้ที่ดูแลระบบหลังบ้านจะคอยจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ ซึ่งใช้ภาษาโปรแกรมเมอร์เช่น PHP, Ruby, หรือ Python เป็นต้น

3. Full-Stack Development 

เป็นการพัฒนาที่ครอบคลุมทั้งในส่วนหน้าบ้านและหลังบ้านเว็บไซต์ ผู้ดูแลระบบในรูปแบบการพัฒนาแบบนี้จำเป็นต้องมีความรู้และความเชี่ยวชาญทั้งในส่วน Front-End และ Back-End Development ดังที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อสามารถสร้างและพัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ

โดยสรุปแล้ว Web Development นั้นมีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมาก โดยทำให้เว็บไซต์ของคุณสวยงาม มีระบบที่ดี และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ลูกค้าที่เข้าชมเว็บไซต์รู้สึกพึงพอใจอยากซื้อสินค้าหรือใช้บริการนั่นเอง

ความสำคัญของ Web Development 

  • มีระบบหน้าบ้านและหลังบ้านเว็บไซต์ที่ดี
    ระบบหน้าบ้าน (Front-end) ที่ดีจะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการได้อย่างง่ายดาย และระบบหลังบ้าน (Back-end) ที่ดีจะช่วยให้คุณดูแลและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การประเมินและการพัฒนาตามความต้องการ
    การมีเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยให้คุณรวบรวมและประเมินพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ซึ่งคุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์และใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์ต่อไปได้
  • ช่วยในการทำ SEO (Search Engine Optimization)
    การพัฒนาเว็บไซต์ให้มีโครงสร้างและเนื้อหาที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นพบในการค้นหาของเครื่องมือค้นหาได้ง่ายขึ้น 

ความเหมือนกันของ Web Design และ Web Development

เนื่องจากการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ (Web design and Web development) มีเป้าหมายเพื่อสร้างประสบการณ์เว็บไซต์ที่ใช้งานจริงสำหรับผู้ใช้ จึงมีความคล้ายคลึงกันในบางส่วน จึงขอการเจาะลึกความเหมือนกันระหว่างการออกแบบเว็บไซต์ (Web Design) และการพัฒนาเว็บไซต์ (Web Development) ที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจได้ดีขึ้นว่า ทำไมทั้งสองส่วนจึงมีความสำคัญต่อการสร้างเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน

ความแตกต่างของ Web Design และ Web Development

หลังจากได้รู้ความหมายและบทความของทั้ง Web Design และ Web Development ไปแล้วนั้น ขอสรุปความแตกต่างของทั้งสองคำนี้คือ Web Design จะเป็นการออกแบบที่ผู้ใช้งานมองเห็นหรือมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับเว็บไซต์ อาจออกแบบผ่านโปรแกรม Figma หรือเครื่องมือดีไซน์อื่นๆ ส่วน Web Development คือการพัฒนาเว็บไซต์ต่อจากส่วนการออกแบบเป็นส่วนที่ผู้ใช้งานมองไม่เห็นเป็นเบื้องหลังในการที่ลูกค้าปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ ผ่านการ Coding ด้วยภาษาต่างๆทางคอมพิวเตอร์

Web design และ Web development ช่วยส่งเสริมประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี
A role in creating an engaging user experience หากต้องการให้ลูกค้าอยู่ในเว็บไซต์ได้นานรวมถึงกลับมาใช้เว็บไซต์ของคุณอย่างต่อเนื่อง ควรมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้  เนื่องจากประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าจะทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้ามีความสัมพันธ์เชิงบวกกับเว็บไซต์และผลิตภัณฑ์ หากประสบการณ์ผู้เข้าชมเว็บไซต์มีบางส่วน error, ภาพโหลดช้า, หาเมนูไม่เจอ จะส่งผลให้ลูกค้าจะหงุดหงิดและตัดสินใจหันไปทำธุรกิจที่อื่นแทน

ซึ่งการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ มีส่วนช่วยในเรื่องนี้อย่างมาก แม้ว่าการออกแบบเว็บไซต์ (Web Design) จะรับประกันว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายดายบนเว็บไซต์ แต่การพัฒนาเว็บไซต์ (Web Development) จะทำให้แน่ใจได้ว่าเว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง 

Web design และ Web development ทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ

Must work in unison to create cohosive site บางทีคุณอาจสงสัยว่าการการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์เป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าอ่านมาถึงจุดนี้ ทั้งสองส่วนทั้ง Web Design และ Web Development ต้องทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้สวยงาม ใช้งานได้สะดวก และมีระบบหลังบ้านที่จัดการได้ง่าย หากไม่มีการออกแบบ เว็บไซต์จะรู้สึกไม่มีตัวตน หากไม่มีการพัฒนา เว็บไซต์ก็จะทำงานไม่ถูกต้อง ผลลัพธ์ของการออกแบบและการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทำงานร่วมกันคือประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ยอดเยี่ยม

Summary

Web Design and Web Development เป็นสององค์ประกอบสำคัญที่ทำให้การสร้างและการพัฒนาเว็บไซต์ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอย่างไรกันบ้างกับเบื้องหลังการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังต้องการสร้างเว็บไซต์ โดยสิ่งที่อยากจะฝากไว้คือควรคำนึงถึงประสบการณ์ลูกค้าเป็นอันดับแรกเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าสนใจและตรงความต้องการของลูกค้า เพื่อประโยชน์สูงสุดในการดำเนินธุรกิจ

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม FoxBith มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาฟรี รวมถึงมีบริการออกแบบและพัฒนาทั้ง Website และ Application